จุดเริ่มต้นและความเป็นมา

ประวัติของสาขาวิชาศิลปศึกษา

บันทึกโดย : ผศ.อัญชลี เปล่งวิทยา

เมื่อปี พ.ศ. 2514  วิทยาลัยครูบุรีรัมย์ได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยความประสงค์ของทางราชการและประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์  ผู้รักษาราชการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่คนแรก คือ อาจารย์วิชชา

อัตศาสตร์

ในปี พ.ศ.2519  วิทยาลัยครูได้รับการยกฐานะตามพระราชกฤษฎีกายกฐานะสถาบันฝึกหัดครูเป็นวิทยาลัยครู พ.ศ.2518 (ฉบับที่ 2)  ในเวลาเดียวกันนั้นมีการรับสมัครสอบบรรจุอาจารย์หลายอัตราเดิมการสอนศิลปะจะสอนอยู่ที่ภาควิชาอุตสาหกรรมศิลป์  เมื่อมีอาจารย์ที่สำเร็จการศึกษาทางด้านศิลปะมาโดยตรง  จึงแยกตัวมาเปิดภาควิชาศิลปะขึ้น  หัวหน้าภาควิชาคนแรก คือ อาจารย์ประวิทย์  วิกรัยพัฒน์  (ปัจจุบันย้ายไปปฏิบัติราชการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง  จังหวัดราชบุรี)  ใช้ห้อง 232  ซึ่งอยู่ที่อาคาร 2 ชั้น 3 เป็นห้องสำนักงานของภาควิชาศิลปะและใช้ห้องเรียน ที่ชั้น 3 ของอาคาร 2 เป็นห้องปฏิบัติงานศิลปะ  ซึ่งคับแคบและไม่สะดวกในการปฏิบัติงาน  ดังนั้นคณาจารย์และนักศึกษาศิลปะในขณะนั้น  ได้แก่ นักศึกษาระดับ ป.กศ.ต้นและป.กศ.สูงวิชาโทศิลปะ  จึงช่วยกันสร้างอาคารชั่วคราวขึ้นเองมีลักษณะเป็นรูป 8 เหลี่ยม ข้างฝาตีด้วยไม้ระแนง  ช่วยกันสร้างขึ้นในพื้นที่ด้านข้างของภาควิชาอุตสาหกรรมศิลป์และใช้บริเวณรอบ ๆ อาคารเป็นสถานที่ปฏิบัติงาน ลำบากก็ตอนฤดูฝน

จนกระทั้งในปี พ.ศ.2520  ได้เปิดสอนระดับป.กศ.สูง มีวิชาเอกศิลปศึกษา  จึงเห็นว่าที่เดิมไม่สามารถสอนนักศึกษาได้  จึงเริ่มมองหาสถานที่ใหม่  จึงได้ย้ายห้องพักอาจารย์จากชั้น 3 อาคาร 2 ลงมาที่ชั้นล่างอาคาร 2 มีห้องเรียนบริเวณชั้นล่างและใช้พื้นที่สนามด้านหน้าอาคารเป็นสถานที่ปฏิบัติงาน  แต่ลักษณะของการทำงานที่ไม่มีอาคารเฉพาะจึงสร้างความลำคาญให้กับผู้พบเห็น โดยเฉพาะการเรียนปั้น  ปูนปลาสเตอร์สีขาวเลอะเทอะเต็มสนามหน้าอาคาร 2 เรียนภาพพิมพ์ก็ต้องหากระจกแผ่นใหญ่มาเป็นแท่นกลิ้งสี  ทำเสร็จก็ต้องเก็บ ห้องเรียนและบริเวณรอบห้องเรียน ภาพพิมพ์ก็เลอะเทอะเช่นกัน  จากความไม่สะดวกนานัปการจึงเริ่มมองหาสถานที่ใหม่ให้นักนักศึกษาได้เรียนอีก  จึงมองไปที่หอพักหญิง  เห็นว่า  หอพักหญิง 4 ไม่มีนักศึกษาเข้าพัก  ภายในหอพักมีห้องโถงขนาดใหญ่ ทั้ง 3 ชั้น  มีบริเวณกว้างขวางที่จะปฏิบัติงานเรียนได้สะดวก  จึงให้นักศึกษาช่วยกันยกกระดานดำ  โต๊ะ เก้าอี้ วัสดุครุภัณฑ์  มาช่วยกันจัดภาควิชาขึ้นใหม่  โดยเริ่มปรับปรุงทาสี  กั้นห้อง  ต่อมาสร้างอาคารโรงปั้น  ต่อมาสร้างอาคารภาพพิมพ์  โดยมีเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยครูและนักศึกษาเอกศิลปะช่วยกันทำ ช่วยกันสร้าง

ในปี พ.ศ.2521 วิทยาลัยครูมีแผนในการพัฒนาบุคลากรประจำจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดร้อยเอ็ด  จึงเปิดการสอน อ.ค.ป. (โครงการอบรมบุคลากรประจำการ)  เปิดสอนในวันเสาร์-อาทิตย์  ภาควิชาศิลปะได้รับมอบหมายจากผู้บริหารให้เปิดสอนวิชาเอกศิลปศึกษา  ในปีแรก ๆ ผู้ที่เข้ามาศึกษาจะเป็นผู้บริหารประจำโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง  ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อการสอนอ.ค.ป.เป็นการสอน กศ.บป.  ซึ่งในปัจจุบันได้หยุดรับแล้ว

ในปี พ.ศ.2527 นโยบายของกรมการฝึกหัดครูต้องการให้เปิดสอนสายวิชาชีพ  ภาควิชาศิลปะจึงเปิดสอนวิชาเอกเทคนิคการอาชีพศิลปกรรมในระดับ ป.กศ.สูง

ในปี พ.ศ.2530 สร้างหลักสูตรศิลปะการพิมพ์ ระดับอนุปริญญา แต่ละชั้นปีมีนักศึกษาเข้าเรียนประมาณ 20 คน  แต่หลักสูตรนี้ต่อมาได้ปิดลง เนื่องจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้  ไปเรียนต่อสายครูเกินร้อยละ 50  ไม่ได้ออกไปประกอบอาชีพตามเป้าหมายของหลักสูตร เมื่อประเมินผลในการมีงานทำของนักศึกษาจึงไม่ได้ตามเกณฑ์และผู้สอนที่จบสายตรงทางภาพพิมพ์ มีเพียงคนเดียว บางภาคเรียนอาจารย์ที่สอนทางภาพพิมพ์  สอนเฉพาะวิชาเอกศิลปะการพิมพ์ ใน 1 ภาคเรียน อาจารย์ 1 คน สอนถึง 3 วิชา  เป็นเช่นนี้หลายเทอม  ต่อมาจึงเปลี่ยนไปเปิดสอนสาขาวิชาศิลปกรรม (ออกแบบนิเทศศิลป์)  ซึ่งอาจารย์ทุกคนในภาควิชาศิลปะสามารถช่วยกันสอน ในรายวิชาต่าง ๆ ได้ทุกคน  แล้วต่อมาหลักสูตรศิลปกรรม (ออกแบบนิเทศศิลป์) นี้พัฒนาไปเป็นหลักสูตรคอมพิวเตอร์ศิลปะและการออกแบบ

ในปี พ.ศ.2538 วิทยาลัยครูบุรีรัมย์ได้ตั้งขึ้นเป็นสถาบันราชภัฏบุรีรัมย์  ตามพระราชบัญญัติสภาสถาบันราชภัฏ พ.ศ.2538  เป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น  มีวัตถุประสงค์ในการให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง  สามารถเปิดสอนได้ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ระดับอุดมศึกษา จนถึงปริญญาเอก  ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี  ทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม  ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานครู

ในปี พ.ศ.2546  ชื่อภาควิชาเปลี่ยนมาเป็นโปรแกรมวิชาศิลปศึกษาและเปิดสอนสายวิชาชีพทางด้านศิลปะ  คือ โปรแกรมวิชาศิลปกรรม (สาขาออกแบบนิเทศศิลป์) ในขณะนั้นจึงได้เปิดรับนักศึกษา 2 โปรแกรมวิชา คือ

  1. โปรแกรมวิชาศิลปศึกษา หลักสูตร 4 ปี
  2. โปรแกรมวิชาศิลปกรรม (สาขาออกแบบนิเทศศิลป์) หลักสูตร 4 ปี

 

ในปี พ.ศ.2547  ได้มีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏขึ้นมาใช้แทนพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ  จึงได้เปลี่ยนชื่อสถาบันราชภัฏบุรีรัมย์มาเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์  โปรแกรมวิชาเปลี่ยนเป็นสาขาวิชา  ได้ขยายการศึกษาโดยเปิดหลักสูตรเพิ่มขึ้น

ในปี พ.ศ.2548 ได้สร้างหลักสูตรทัศนศิลป์ หลักสูตรนี้ได้สร้างขึ้นมาเพื่อสนองนโยบายของมหาวิทยาลัยที่ให้สร้างหลักสูตรสายวิชาชีพ ผลิตบัณฑิตสนองความต้องการของการนำงานศิลปะมาใช้ร่วมกับเครื่องมือทางคอมพิวเตอร์สร้างงานได้ตรงกับยุคสมัยของธุรกิจที่เติบโตได้เร็วมาก ในยุคนี้มีการใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างงานทั้งสิ่งพิมพ์และงานโฆษณาทุกประเภท บุคลากรของศิลปะแล้วเห็นว่ามีบางคนที่มีความสามารถทางการใช้มือในการสร้างงานศิลปะ  ไม่ถนัดทางการใช้คอมพิวเตอร์  จึงเป็นเหตุผลที่คิดสร้างหลักสูตรทัศนศิลป์ขึ้นมา   มิฉะนั้นบุคคลเหล่านี้จะต้องไปสอนเพียงบางวิชาให้กับหลักสูตรคอมพิวเตอร์ศิลปะและการออกแบบเท่านั้น  เช่น วิชาพื้นฐานการวาดเส้น วิชาประติมากรรมพื้นฐาน  สำหรับวิชาสีน้ำก็จะไม่ได้สอน  วิชาสีน้ำมันก็จะไม่มี  ประติมากรรมที่สร้างงานจากน้ำมือก็จะหมดไป วิชาความรู้ที่เรียนมาก็จะไม่รู้จะไปใช้ตรงไหน ไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับตนเองขึ้นมาเลย  ดังนั้นการสร้างหลักสูตรทัศนศิลป์จึงเกิดขึ้น เป้าหมาย คือ ให้ผู้เรียนสามารถออกไปประกอบอาชีพทางศิลปะได้ แต่อาจารย์ทั้งหลายก็ยังสอนเพื่อให้นักศึกษาแสดงงานศิลปะเพื่อไปเป็นศิลปินแบบเดี่ยวกับท่านอาจารย์ทั้งหลาย

ในปี พ.ศ.2552  ในช่วงภาคเรียนที่ 1  มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ให้พัฒนาหลักสูตร จึงคิดว่าจะนำหลักสูตรทัศนศิลป์มาพัฒนาอย่างไรเพื่อให้มีคนสนใจเข้าเรียนมาก ๆ เนื่องจากทุกครั้งที่มีการรับสมัครนักศึกษาเข้าเรียนสาขาวิชาทัศนศิลป์ค่อนข้างน้อย จึงได้เริ่มสร้างหลักสูตรใหม่  เนื่องจากทุกหลักสูตรต้องสร้างใหม่หรือปรับปรุงหลักสูตรใหม่  ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ก็มีโรงเรียนต่าง ๆ ติดต่อมาเพื่อต้องการผู้สอนทางศิลปะ ลูกศิษย์ที่เรียนจบ ค.บ. 4 ปี ศิลปศึกษาก็ได้ทำงานกันไปหมดทุกคนแล้ว  ถามนักศึกษาสาขาวิชาทัศนศิลป์ทุกคนว่าหลังจากเรียนจบแล้วนักศึกษาจะทำงานอะไร  นักศึกษาทุกคนตอบว่าจะไปเรียนเพิ่มวุฒิทางครูเพื่อสามารถสอบบรรจุครูได้  นักศึกษาศิลปกรรม (ออกแบบนิเทศศิลป์) บางคนก็ไปเรียนเพิ่มวุฒิทางครูเพื่อสอบบรรจุครูเช่นเดียวกันและเมื่อมาดูบุคลากรอาจารย์ที่สอนสาขาวิชาทัศนศิลป์แต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญทางศิลปะเฉพาะทาง  สามารถสอนให้นักศึกษาไปสอนนักเรียนได้หรือไปประกอบอาชีพทางศิลปะก็ได้  ให้ไปเป็นศิลปินก็ได้ตามที่เขาต้องการ ซึ่งน่าจะสร้างหลักสูตรศิลปศึกษา ค.บ. 5 ปีได้ คณาจารย์ทัศนศิลป์ทั้งหลายว่าท่านจะสร้างหลักสูตรไปในทางใด จึงมีมติตกลงทำหลักสูตรศิลปศึกษา นำหลักสูตรไปให้ผู้เชี่ยวชาญวิพากษ์หลักสูตรให้ที่คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และภาควิชาศิลปะ  ดนตรีและนาฏศิลปศึกษา  คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้รับความกรุณาจากดร.อำไพ ตีรณสาร  หัวหน้าภาควิชาศิลปะ  ดนตรีและนาฏศิลปศึกษา และผศ.ดร.สันติ  คุณประเสริฐ  อาจารย์ประจำวิชาศิลปะ ดนตรีและนาฏศิลปศึกษา  ช่วยวิพากษ์หลักสูตร  การไปวิพากษ์หลักสูตรนี้เรานำหลักสูตรไปให้ผู้วิพากษ์ด้วยตนเอง เพื่อนำกลับมาแก้ไขหลักสูตรให้สมบูรณ์โดยเร็ว  ในการจัดทำหลักสูตรนี้  ทุกหลักสูตรต้องเข้าระบบการพัฒนามาตรฐานคุณวุฒิ TQF  เป็นหลักสูตรใหม่  พ.ศ.2553

ในปี พ.ศ. 2558 มีการปรับปรุงหลักสูตรศิลปศึกษา ค.บ. 5 ปี เป็นมาตรฐานคุณวุฒิ TQF

ในปี พ.ศ. 2563 มีการปรับปรุงหลักสูตรศิลปศึกษา ค.บ. 5 ปี เป็นมาตรฐานคุณวุฒิ TQF

ในปี พ.ศ. 2568 มีการปรับปรุงหลักสูตรศิลปศึกษา ค.บ. 5 ปี เป็นเป็นแบบ OBE